1 ศีลไม่ได้อยู่ที่พระ…ธรรมะไม่ได้อยู่ที่วัด…เงินไม่ได้อยู่ที่เศรษฐี…แต่ศีลอยู่ที่กายใจของเรา…ธรรมะอยู่ที่สติ และเงินอยู่ทุกที่ ที่มีความขยัน
2 โลกเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับว่าเราใส่แว่นตาสีอะไรมองโลกหากมองโลกดี ชีวิตจะมีแต่สิ่งรื่นรมย์หากมองโลกร้าย ชีวิตจะมีแต่วุ่นวายและทุกข์ระทม
3 จงดึงเอาความรู้สึกผิดที่เรามีมาเป็นแรงบันดาลใจให้ทำดียิ่งๆ ขึ้นอย่าจมอยู่กับอดีต มีแต่การสร้างตัวเองใหม่เท่านั้นที่จะหลุดพ้นจากความรู้สึกผิด
4 ความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับความมีแต่อยู่ที่เราค้นพบว่า อะไรคือแก่นแท้ของชีวิตแล้วอยู่กับสิ่งนั้นด้วยความรัก คนนั้นก็คือคนมีความสุข
5 ยามใดที่ชีวิตพบกับความทุกข์ หากไม่มัวแต่เป็นทุกข์ทว่าเรียนรู้ที่จะมองดูความทุกข์อย่างมีสติอย่างแยบคาย* อย่างเป็นผู้ดู* ไม่ได้เป็นผู้เป็น*ความทุกข์ก็จะทอประกายแห่งความสุขออกมาให้เห็น
6 ในเมื่อไม่มีสิ่งที่เราชอบ เราก็ควรชอบสิ่งที่เรามี เพราะในโลกนี้ไม่มีใครได้ทุกสิ่งอย่างใจหวังและจะไม่มีใครพลาดหวังทุกอย่างไปทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจะทำ มีแง่ดีแง่งามอยู่เสมอขอให้เรามองให้เห็น ถ้ามองเห็น เราก็จะเป็นสุขกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
7 ในโลกแห่งความเป็นจริง คนทุกคนก็เป็นครูได้ คนเก่ง ไม่เก่ง ฉลาดรู้หนังสือ ไม่รู้หนังสือ ยากดีมีจน สัตว์ ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม เหตุการณ์ ดิน ฟ้า อากาศ ความผิดหวัง ความสมหวัง ความรัก ความชัง ฯลฯ เหล่านี้ คือ ครูในมหาวิทยาลัยชีวิต ที่ทุกคนจะต้องเรียนรู้ ศึกษากันไปอย่างไม่มีวันจบ
8 อย่าแบกอะไรที่เกินกำลังของตัวเอง เพราะไม่เพียงแต่ มันจะทำให้เราเป็นทุกข์ แต่บางทีอาจมีผลต่อการยืนตรงๆ อย่างยาวนานของเราด้วย
9 เรื่องบางเรื่องไม่ใช่เรื่องที่ควรทุกข์ แต่พอเราไม่ยอมปล่อยวาง ทุกข์ก็รุกคืบเข้ามา เรื่องบางเรื่องใครต่อใครก็เห็นอยู่ว่า ทุกข์หนักหนาสาหัส แต่สำหรับคนที่ปล่อยวางเป็น ก็เป็นสุข คือ ความสุขหรือความทุกข์ บางครั้งอยู่ที่ “ท่าที” ในการเผชิญของเราเป็นสำคัญ ถ้า “รู้เท่าทัน” สิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างมีสติ ทุกข์อาจกลายเป็นสุข, ปัญหาอาจกลายเป็นปัญญา, วิกฤติอาจถูกแปรเป็นโอกาส
10 ความล้มเหลว เป็นส่วนผสมของชีวิตซึ่งขาดไม่ได้ คนที่ไม่เคยล้มเหลว คือคนที่ไม่เคยทำอะไร ด้วยข้อเท็จจริงเช่นนี้ คนที่กำลังคิดการใหญ่ทุกคน จึงมองความล้มเหลว ด้วยสายตาที่เป็นบวก เพราะเขารู้อยู่แก่ใจว่า ความล้มเหลว เป็นฝาแฝดกับความสำเร็จ…