ระบบน้ำหยดเพื่อเกษตร ทำเองได้ช่วยประหยัดน้ำในช่วงหน้าแล้ง
สวัสดีครับเพื่อนๆชาวเกษตรทุกท่านหลายคนทีปัญหาเกี่ยวกับน้ำที่ใช้ในการเกษตร ไม่น้ำไม่พอใช้ หรือ มีค่าใช้จ่ายในการรดน้ำ ต้องใช้แรงคน และเวลาในการรดน้ำ วันนี้ครับผมมีระบบน้ำหยดเพื่อการเกษตร หรือ Drip Irrigation System เป็นวิธีการสู้ภัยแล้งที่มีประสิทธิภาพอีกวิธีหนึ่ง ทั้งยังสามารถประยุกต์ใช้ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการปรับตั้งเวลาและปริมาณน้ำได้เเบบอัตโนมัติ หรือจะผสมปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืชลงไปในระบบน้ำหยดก็ได้ ที่สำคัญสามารถประกอบเเละติดตั้งได้เองเเบบง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก ด้วยงบประมาณที่ไม่สูงจนเกินไป จึงนับว่าคุ้มค่าคุ้มราคากับการลงทุนจริง ๆ
วิธีติดตั้ง เครื่องสูบน้ำโซลาร์เซลล์ สำหรับพื้นที่ที่ไฟฟ้าเข้าไม่ถึง
เมื่อทราบถึงข้อดีเหล่านั้นเเล้ว บ้านและสวนจึงอยากพาคุณผู้อ่านทุกท่านไปดูวิธีการประกอบเเละติดตั้ง ระบบน้ำหยดเพื่อการเกษตร ในงบประมาณ 20,000 บาท ที่ไม่เพียงแค่สู้ภัยแรงได้ แต่ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับสวนกระถาง หรือในพื้นที่ที่ดินไม้อุ้มน้ำ เพื่อช่วยเเก้ปัญหาภาคการเกษตรได้ดีอีกวิธีหนึ่งทีเดียว
การใช้งานในลักษณะต่าง ๆ
ใช้ให้น้ำในภาคการเกษตร โดยอาจประยุกต์กับเครื่องตั้งเวลา หรือทำระบบเปิด-ปิดปั๊มจากที่ไกล ๆ ได้ เพื่อความสะดวกสบายของเกษตรกร สามารถประยุกต์ใช้กับการให้ปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืชต่าง ๆ ได้ ช่วยเแก้ปัญหาพื้นที่ที่ดินไม่กักเก็บน้ำ ดินแห้ง หรือไม่อุ้มน้ำ ให้ดินมีความชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลา สามารถประยุกต์ใช้กับการให้น้ำต้นไม้ในสวน หรือไม้กระถางได้ดี
ข้อดี
ประหยัดเวลาสามารถกำหนดเวลาและปริมาณน้ำได้ สามารถทำได้ง่ายกว่าระบบพ่นหมอก เพราะระบบน้ำหยดไม่ต้องอาศัยแรงดันน้ำมากนักมีราคาย่อมเยากว่าในการใช้งานต่อพื้นที่ที่เท่ากัน
อุปกรณ์ต่าง ๆ
ถังน้ำขนาด 2,000 ลิตร / ถังน้ำขนาด 200 ลิตร / ปั๊มหอยโข่ง 1 นิ้ว ขนาด 0.5 แรงม้า / บอลวาล์ว ประมาณ 10 ตัว เพื่อปรับแรงดันในแต่ละช่วงของข้อต่อ / ท่อพีวีซี 1.5 นิ้ว สำหรับเดินระบบถังสูบและจ่ายน้ำเข้าสู่ท่อน้ำหยด / ท่อกรองน้ำเกษตร สำหรับกรองหยาบก่อนส่งน้ำเข้าท่อน้ำหยด / เทปน้ำหยด เลือกระยะรูน้ำหยดตามลักษณะของพืชเเละการปลูก / วาล์วน้ำหยด สำหรับต่อเทปน้ำหยด / ผ้าพลาสติกดำ
ขั้นตอนการประกอบเเละติดตั้ง
ขั้นตอนที่ 1 เทปูนในส่วนที่จะวางถังน้ำ โดยทำเป็นแท่นให้ถัง 2,000 ลิตร อยู่สูงขึ้นไปด้านบน ก่อนจะวางถัง 200 ลิตร ไว้ที่ด้านล่าง โดยฐานปูนจะช่วยไม่ให้เกิดการทรุดตัว เนื่องจากน้ำหนักของน้ำที่มีมาก ส่วนถัง 200 ลิตร ที่อยู่ด้านล่าง มีไว้เพื่อพักน้ำก่อนจ่ายสู่เครื่องสูบน้ำ และใช้สำหรับผสมปุ๋ยและยากำจัดศัตรูพืช
ขั้นตอนที่ 2 เดินระบบสูบน้ำเข้าไปสู่ถังทั้งบนและล่างให้เป็นระบบหมุนเวียน โดยใช้ปั๊มหอยโข่งขนาด 0.5 แรงม้า เดินท่อ 1 นิ้ว ระหว่างถังน้ำทั้งสองตามภาพ และประกอบบอลวาล์วไว้ทุกช่วงของข้อต่อ เพื่อควบคุมแรงดันในท่อให้สม่ำเสมอเเละเหมาะสม
ขั้นตอนที่ 3 เดินท่อจากถัง 2,000 ลิตร โดยผ่านข้อต่อกรองน้ำเกษตรเสียก่อน แล้วจึงเดินท่อต่อไปจนสุดบริเวณแปลงผัก และต่อวาล์วน้ำหยดก่อนติดตั้งเทปน้ำหยดไปตามแนวแปลกปลูก ระยะห่างระหว่างเเต่ละรูจะแตกต่างกันไปตามชนิดพืชที่เราปลูก เช่น เเปลงข้าวโพด ควรกำหนดรูน้ำหยดให้ห่างกันทุก ๆ 20 เซนติเมตร พืชล้มลุกอื่น ๆ อาจปรับเป็น 30 เซนติเมตร แต่ถ้าเป็นพืชกอใหญ่ควรห่างกัน 6o เซนติเมตร ทั้งนี้อาจเลือกใช้ท่อ PE แล้วนำมาเจาะรูเองก็ได้ตามสะดวก
ขั้นตอนที่ 4 หากต้องการระบบอัตโนมัติอาจใช้วิธีติดตั้ง Timer ไว้กับแหล่งจ่ายไฟของเครื่องสูบน้ำ เเละถ้าต้องการกำจัดวัชพืชรอบ ๆ แปลงปลูก ให้ใช้พลาสติกคลุมดินสีดำทำการคลุมรอบแปลงปลูก โดยเว้นโคนต้นเอาไว้ นอกจากจะช่วยไม่ให้หญ้าขึ้นเเล้ว วิธีนี้ยังช่วยรักษาความชุ่มชื้นในดินได้ดีอีกด้วย
ซึ่งระบบน้ำหยดเพื่อการเกษตรทั้งหมดนี้ สามารถประกอบติดตั้งได้ในงบประมาณไม่เกิน 20,000 บาท สำหรับแปลงปลูกขนาดไม่เกิน 1 ไร่ และสามารถมีอายุการใช้งานได้ราว ๆ 5-10 ปีเลยทีเดียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของระบบท่อต่าง ๆ ที่เลือกนำมาใช้นั่นเอง