ทำทุ กวัน! ม.1 ‘อุ้มเพื่อน’ เดินขึ้นอาคารเรียนชั้น 3 พร้อมบอกเหตุผลสุดซึ้ง
สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านที่น่ารัก ได้มาพบเจอกันอีกแลัว กับแอดมินและทีมงานเพจสายบุญ เราจะคอยนำเสนอเรื่องราวดีๆ ให้ความใจโลงใจและมีประโยชน์แก่แฟนเพจทั้งหลายให้ท่านได้อ่านอยู่เป็นนิจนะคะ วันที่ชีวิตไม่ข าดทุน คือ วันที่ทำบุญ และให้อภัย วันที่ชีวิตมีกำไร คือ วันที่ตั้งใจทำความดี ฝากไว้เตือนใจนะคะ
คนหนึ่งอุ้ม อีกคนถือกระเป๋า-นักเรียนหญิงชั้น ม.1 โรงเรียนท่ามะขามวิทยา จ.ราชบุรี ช่วยอุ้มเพื่อนขึ้นเรียนชั้น 3 ทุ กวัน เพราะเพื่อนไม่มีแรง
ภาพความมีน้ำใจของเพื่อนนักเรียนด้วยกัน ของโรงเรียนท่ามะขามวิทยา อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ที่ช่วยกันถือกระเป๋าและอุ้มเพื่อนขึ้นบันไดอาคาร 3 ชั้น เพื่อขึ้นไปเรียนหนังสือของ “น้องมีน” หรือ “ด.ญ.พรทิมา ตันพานิช” อายุ 13 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1 ซึ่งมีรูปร่างกระดูกผิดรูปมาแต่กำเนิดและปอดยังแฟบ ก่อนหน้านี้น้องมีน ได้รับการฉีดวั คซีน เมื่อปลายปีที่แล้ว ก่อนฉีดผู้ปกครองการเกิดวิตกกังวลถึงผลข้างเคียงเกรงว่าน้องจะเป็นอันตร าย เพราะร่างกายไม่ปกติอยู่แล้ว จึงไปปรึกษาแพทย์ ซึ่งได้ให้คำแนะนำมาว่าควรฉีดวั คซีน

เมื่อได้รับคำแนะนำจากแพทย์ ด้านนายพิพัฒพงศ์ ตันพานิช บิดา และนางพรพรรณ ปานเนียม มารดา อยู่บ้านเลขที่ 106/12 หมู่ 8 ต.ดอนทราย อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ตั ดสินใจพาน้องมีน ฉีดวั คซีนไฟเซอร์เข็ม 1 หลังจากฉีดแล้วได้กลับมานอนพักที่บ้านไม่นานก็เริ่มมีอาการจากผลข้างเคียงวั คซีนทำให้ต้องพาน้องเข้าห้องไอซียูที่โรงพยาบาล นำไปสู่การรั กษาที่ยาวนานต่อเนื่องเป็นปีแล้วจากผลข้างเคียงของการฉีดวั คซีน ทำให้น้องมีน มีอาการเหนื่อยมากมาจนถึงทุ กวันนี้
ด.ญ.พรทิมา ตันพานิช หรือ น้องมีน อายุ 13 ปี เปิดเผยว่า หลังฉีดแล้วผ่านมาหลายวันรู้สึกไอ เจ็บหน้าอก เริ่มห ายใจแรง แม่ให้กินยาแต่ก็ไม่ห าย นอนไม่หลับและเริ่มห ายใจไม่ออก เจ็บหน้าอกจนนอนไม่ได้ แม่ได้พาไปคลินิกหมอบอกว่า ที่เล็บเริ่มเขียวทั้งเล็บเท้าและเล็บมือ เลยส่งไปที่โรงพยาบาลราชบุรี และให้นอนที่รั กษา ช่วงเช้ามืดได้ใส่ท่อห ายใจพร้อมกับส่งตัวต่อไปที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ช่วงก่อนที่ฉีดวั คซีนไม่เคยมีอาการแบบนี้ รู้ตัวว่าหลังจากที่ฉีดวั คซีนเมื่อตอนอยู่ ป.6 มาแล้วจะรู้สึกเหนื่อยง่ายขึ้น ถ้าเดินมากๆจะเหนื่อย แต่ได้เพื่อนๆคอยช่วยอุ้มพาเรียนหนังสือ

ด.ญ.ยาตนา และ ด.ญ.แยม ชาวต่างด้าวเพื่อนน้องมีน เปิดเผยว่า ตอนที่เรียนอยู่ ป.6 เพื่อนมีร่างกายไม่สมบูรณ์มานานตั้งแต่เรียนอยู่ ป.1 แล้วสงสารเพื่อนก็เลยช่วยกันอุ้มพาเรียน ถ้าช่วยพยุงให้เดินแล้วจะต้องช่วยกันพยุง 2 คน จะต้องมีคนถือกระเป๋าและต้องช่วยพยุงก็กลัวเพื่อนจะเจ็บ จึงตั ดสินใจใช้วิธีอุ้มดีกว่าเพื่อนต่างห้องเรียนมาเห็นก็ยังมาช่วยกันอุ้มพาเรียนด้วย
นายอภิเชษฐ์ เกตุกร ผู้อำนวยการโรงเรียนท่ามะขามวิทยา เปิดเผยว่า หลังได้รับวั คซีนไฟเซอร์เข็มแรก น้องมีอาการเปลี่ยนไปจากเดิมซึ่งเคยเดินด้วยตัวเองได้ แต่พอรับวั คซีนแล้วมีผลต่อร่างกายต้องเข้าโรงพยาบาล พอมาอยู่โรงเรียนเข้า ม.1 พ่อโทรฯมาบอกอย ากขอให้ลูกเข้าเรียน โดยงานแนะแนวระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนได้คุยกันและพยายามช่วยเหลือครอบครัว ทราบข่าวว่าแม่น้องต้องออกจากงานเพื่อมาดูแลลูก ส่วนพ่อทำงานคนเดียวรายได้ไม่พอ

โดยการจัดการเรียนการสอนจะจัดตามอาคารเรียนต่างๆ ต้องเดินขึ้นลงอาคาร ได้เห็นเพื่อนช่วยกันอุ้มเพื่อนเรียนหนังสือทุ กวัน ถือเป็นภาพประทับใจที่เกิดขึ้นในโรงเรียนถึงความมีน้ำใจ จึงรู้สึกเป็นห่วงหลังจากเงินที่ได้รับการเยียวยาจาก สปสช. มา 2 แสนบ าท
ผู้อำนวยการโรงเรียนท่ามะขามวิทยา กล่าวว่า “ขณะนี้เงินก้อนนี้ใกล้หมดลง ครอบครัวจะมีปัญหาเพราะมีแต่รายจ่ายทุ กวัน หากมีผู้ใจบุญบริจ าคช่วยเหลือไว้เป็นทุนการศึกษาให้น้องมีนได้เรียนหนังสือ และไว้เป็นค่าใช้จ่ายรั กษาตัวจะเป็นแนวทางที่ดีแก่ครอบครัวของน้องมีนในอนาคตได้”
จากภาพที่เพื่อนช่วยอุ้มน้องมีนไปเรียนตามอาคารเรียนได้กลายเป็นภาพแห่งความประทับใจและความเอื้ออาทรที่มีต่อกันของเพื่อน ๆร่วมชั้นเรียนและนอกชั้นเรียนย ากที่จะพบภาพแบบนี้ได้ง่ายนักสำหรับความผูกพันที่มีให้กัน แม้จะเป็นเด็กต่างชาติต่างภาษา แต่ความมีน้ำใจที่มีให้กันระหว่างเพื่อนที่กำลังทุ กข์ย ากนั้นน่าชื่นชม ซึ่งตัวน้องมีนยังคงมีความหวังว่าจะได้มีโอกาสกลับมามีร่างกายแข็งแรงอีกครั้ง และจะได้ตั้งใจเรียนหนังสือมีการศึกษาที่ดี เพื่อมาคอยดูแลครอบครัวในอนาคต

หากผู้ใจบุญต้องการช่วยเหลือครอบครัวน้องมีน สามารถติดต่อสอบได้ที่ นางพรพรรณ ปานเนียม มารดา เบอร์โทร. 09-3448-8690
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก พันธุ์ – จรรยา แก้วนุ้ย จ.ราชบุรี ,dailynews.co.th เรียบเรียงโดย เพจสายบุญ